วัยเด็กถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างมากสำหรับลูกน้อย เพราะในช่วงนี้บุตรหลานของเราจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวและทำความรู้จักกับผู้คนรอบข้างอยู่ตลอดเวลา แม้การพาเด็กไปเปิดประสบการณ์นอกบ้านจะเป็นเรื่องที่ให้เขาได้เติบโตทั้งด้านร่างกายและจิตใจ แต่สิ่งที่คนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราควรระวังเป็นพิเศษก็คือเด็กในวัยนี้ยังมีภูมิคุ้มกันที่ไม่แข็งแรงเท่ากับผู้ใหญ่ ดังนั้นโอกาสที่จะเจ็บไข้ได้ป่วยจึงมีสูงกว่าโดยเฉพาะในกรณีที่เด็กคนนั้นไม่ได้รับวัคซีนเด็กตามที่แพทย์กำหนด และเพื่อเป็นการพาพ่อแม่ทุกคนไปทำความรู้จักกับวิธีที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อยของเราให้มากขึ้น วันนี้เราจึงขออาสามาบอกต่อเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนเด็กกัน
วัคซีนเด็กแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
ในปัจจุบันเราสามารถแบ่งวัคซีนสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปีออกได้เป็น 2 ประเภท ประกอบไปด้วยวัคซีนพื้นฐานสำหรับเด็ก และวัคซีนเสริมเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดยวัคซีนทั้งหมดที่อยู่ในประเภทแรกนั้นเป็นวัคซีนที่ทางกระทรวงสาธารณสุขของบ้านเรากำหนดให้เด็กทุกคนจำเป็นต้องได้รับเพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆ ที่อาจจะพัฒนากลายเป็นปัญหาสุขภาพต่อตัวเด็กในอนาคต โดยตัวอย่างของวัคซีนที่อยู่ในกลุ่มนี้มีตั้งแต่ วัคซีนป้องกันวัณโรค, วัคซีนตับอักเสบบี, วัคซีนปอลิโอ และวัคซีนไข้สมองอักเสบเจมี เป็นต้น ในขณะที่วัคซีนประเภทที่สองนั้นเป็นวัคซีนเสริมที่จะช่วยให้ลูกน้อยของเรามีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆ ในระดับที่ครอบคลุมมากขึ้น อาทิ วัคซีนไข้เลือดออก, วัคซีนไวรัสตับอักเสบชนิดเอ และวัคซีนนิวโมคอคคัส เป็นต้น
วัคซีนเด็กบางชนิดต้องฉีดมากกว่าหนึ่งครั้ง
ปกติแล้วการฉีดวัคซีนมักจะฉีดเพียงแค่ครั้งเดียวแต่ในบางกรณีผู้ปกครองก็อาจจะจำเป็นต้องพาบุตรหลานมารับวัคซีนตัวเดิมอีกเป็นครั้งที่สอง หรือมากกว่านั้นเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสามารถของเด็กสร้างภูมิคุ้นกันต่อเชื้อของโรคชนิดนั้นๆ ได้อย่างเต็มที่ และด้วยสาเหตุนี้เองเราจึงอยากจะให้ผู้ปกครองทุกคนพยายามพาบุตรหลานมาเข้ารับการฉีดวัคซีนตามกำหนดทุกครั้งตามแพทย์นัดเพื่อให้ลูกน้อยของเราสามารถสนุกกับทุกการเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอาการเจ็บไข้ได้ป่วยที่เป็นอันตราย
ควรพาเด็กมาฉีดวัคซีนให้ครบแม้จะพลาดนัดไปแล้ว
ในกรณีที่ไม่สามารถพาลูกน้อยมารับวัคซีนเด็กได้ตามวันและเวลาที่กำหนดในตารางนัด ผู้ปกครองสามารถพาบุตรหลานมาเข้ารับการฉีดวัคซีนในรายการที่พลาดไปได้อีกครั้ง ซึ่งหากเป็นไปได้ผู้ปกครองก็ควรพาบุตรหลานมารับวัคซีนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ร่างกายของเด็กได้รับการกระตุ้นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่อง และป้องกันไม่ให้ตัวเองลืมจนเป็นเหตุให้เด็กต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนตัวเดิมใหม่ทั้งหมด
อย่าพึ่งรีบพาเด็กกลับบ้านหลังจากรับวัคซีนเสร็จ
ปกติแล้วหลังการฉีดวัคซีนเด็ก แพทย์จะแนะนำให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานนั่งรอในคลินิกหรือโรงพยาบาลต่อเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาทีเพื่อสังเกตดูว่าหลังจากที่ร่างกายรับวัคซีนไปแล้วมีปฏิกิริยาต่อต้านที่ส่งผลให้เกิดอาการรุนแรง อาทิ บวม แดง ชัก หรือมีไข้สูงหรือไม่ ซึ่งถ้าหากเลยช่วงเวลา 30 นาทีไปแล้ว และร่างกายของเด็กไม่แสดงอาการใดๆ ที่เป็นการต่อต้านตัววัคซีน ผู้ปกครองก็สามารถพาเด็กกลับบ้านได้เลย